ท่ามกลางความเงียบงันก่อนรุ่งสาง ท้องทะเลอันดามันราบเรียบราวกับกระจก แสงดาวพร่างพราวสะท้อนผิวน้ำ ราวกับดวงตานับล้านคู่จับจ้องลงมา ไม่มีแม้แต่เสียงคลื่น เสียงลมแผ่วเบาที่พัดผ่านก็เหมือนเสียงกระซิบอันน่าขนลุก บรรยากาศเงียบสงัดผิดปกติ ราวกับธรรมชาติกำลังกลั้นหายใจรอคอยอะไรบางอย่าง จู่ๆ ความเงียบก็ถูกทำลายด้วยแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง ราวกับโลกทั้งใบกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง พื้นดินใต้ฝ่าเท้าสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ แก้วน้ำบนโต๊ะสั่นจนน้ำกระฉอกออกมา แสงไฟดับลง ทิ้งทุกสิ่งไว้ในความมืดมิด แรงสั่นสะเทือนดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ราวกับเป็นการเกริ่นนำของหายนะที่กำลังจะมาเยือนแล้วมันก็เกิดขึ้น น้ำทะเลที่เคยสงบนิ่งเริ่มลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นพื้นทรายสีดำที่ปกติซ่อนอยู่ใต้น้ำลึก ซากปะการัง กอปรกับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นทรายที่แห้งผาก กลิ่นคาวเลือดและโคลนตลบอบอวลในอากาศ ผู้คนต่างมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว ความเงียบงันกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเป็นความเงียบที่น่าสะพรึงกลัวกว่าเดิม เป็นความเงียบก่อนพายุใหญ่
จากขอบฟ้าไกลปรากฏเงาดำทะมึนขนาดมหึมา กำลังเคลื่อนตัวเข้าหาฝั่งด้วยความเร็วที่ไม่อาจจินตนาการได้ มันไม่ใช่แค่คลื่น แต่มันคือผนังน้ำขนาดยักษ์ สูงเสียดฟ้า ราวกับภูเขาทั้งลูกกำลังเคลื่อนที่ เสียงคำรามของมันดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย คลื่นยักษ์โถมเข้าใส่ชายหาดด้วยพลังมหาศาล น้ำทะเลสีดำมืดเข้ากลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า โรงแรม รีสอร์ต บ้านเรือน ต้นไม้ ทุกอย่างถูกฉีกกระชากให้มาบดขยี้ราวกับของเล่น เสียงกรีดร้องของผู้คนดังระงมไปทั่ว แต่ก็ถูกกลบด้วยเสียงคำรามของคลื่นรวมถึงเสียงแตกหักของสิ่งก่อสร้าง ผู้คนถูกคลื่นซัดกระเด็นไปคนละทิศละทาง บางคนถูกซากปรักหักพังกระแทก บางคนถูกกระแสน้ำพัดหายลงสู่ทะเลอันกว้างใหญ่ ร่างกายที่ไร้ชีวิตลอยคว้างอยู่บนผิวน้ำ ปะปนกับซากปรักหักพัง และความโกลาหล โดยความมืดมิดเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ ความเงียบงันกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเป็นความเงียบของความตาย เป็นความเงียบที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าครั้งไหน ในวาระครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ปี 2547 ความทรงจำอันน่าสยดสยองนี้ยังคงอยู่ เป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังอันมหาศาลของธรรมชาติ ความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ซึ่งเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันจางหายไปจากความทรงจำ
ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นยังคงติดตา ไม่ว่าจะเป็นภาพคลื่นยักษ์สูงเท่าตึกหลายชั้นที่โถมเข้าใส่ชายหาดกะรน ป่าตอง และเขาหลักในประเทศไทย ภาพผู้คนวิ่งหนีตายอย่างอลหม่าน ภาพโรงแรม บ้านเรือนพังราบเป็นหน้ากลอง ภาพรถยนต์รวมถึงซากปรักหักพังลอยคว้างอยู่บนผิวน้ำ ภาพศพผู้เสียชีวิตที่เกลื่อนกลาดอยู่ตามชายหาด เหตุการณ์ครั้งนั้นคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 230,000 คน บาดเจ็บอีกนับหมื่น รวมถึงยังสูญหายอีกเป็นจำนวนมาก โดยในประเทศไทย ชายฝั่งทะเลอันดามันได้รับผลกระทบอย่างหนัก จังหวัดพังงาเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณเขาหลัก คลื่นสึนามิได้พัดพาเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าลงสู่ทะเล ไม่เว้นแม้แต่โรงแรมหรู รีสอร์ต บ้านเรือนของผู้คน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างหนีตายกันอย่างอลหม่าน หลายคนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า
ส่วนประเทศอินโดนีเซีย เมืองบันดาอาเจะห์ ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว ได้รับความเสียหายอย่างหนัก คลื่นสึนามิได้กวาดเอาเมืองทั้งเมืองจมลงใต้น้ำ ผู้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก บางคนถูกคลื่นซัดหายไปอย่างไร้ร่องรอย และในประเทศศรีลังกา คลื่นสึนามิได้พัดเข้าทำลายชายฝั่งทางตะวันออกจนถึงใต้ของประเทศ รถไฟที่กำลังวิ่งอยู่บนรางถูกคลื่นซัดตกราง ผู้คนบนรถไฟเสียชีวิตทั้งหมด เมืองชายฝั่งหลายแห่งถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง
เหตุการณ์สึนามิในครั้งนั้นเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้โลกตระหนักถึงพลังทำลายล้างของธรรมชาติ และความสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น หลายประเทศได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบเตือนภัยสึนามิ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย แม้เวลาจะผ่านไป 20 ปีแล้ว แต่ความทรงจำอันน่าสยดสยองของเหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดียยังคงอยู่ จะเป็นเครื่องเตือนใจให้เราไม่ประมาทในการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติอยู่เสมอ
ลำดับเวลาเหตุการณ์สึนามิประเทศไทย
● เวลา 07:58 น. (เวลาประเทศไทย) เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.1 – 9.3 แมกนิจูด นอกชายฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย จุดเริ่มต้นของสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย
● ช่วงเวลาหลังแผ่นดินไหว (ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงต่อมา) คลื่นสึนามิเริ่มก่อตัวและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ประมาณ 500-1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในมหาสมุทรอินเดีย มุ่งหน้าสู่ชายฝั่งหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย
● เวลา 09:30 – 10:00 น. คลื่นสึนามิเดินทางมาถึงชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบก่อนคือจังหวัดที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวมากที่สุด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ ตรัง และสตูล
● ก่อนคลื่นซัดฝั่ง (ประมาณ 5 – 10 นาที) เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลลดลงอย่างผิดปกติ น้ำทะเลถดถอยลงไปจากชายหาดหลายสิบเมตร หรือบางรายงานระบุว่าถึง 100 เมตร เผยให้เห็นพื้นทรายตลอดจนแนวปะการังที่ปกติจมอยู่ใต้น้ำ นี่เป็นสัญญาณเตือนภัยธรรมชาติที่สำคัญที่สุด แต่ผู้คนส่วนใหญ่อาจไม่เข้าใจหรือไม่ได้สังเกต
● ประมาณ 09:35 น. มีรายงานว่าน้ำทะเลเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในบางพื้นที่ เช่น บริเวณหาดต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตและพังงา
● ประมาณ 09:38 น. คลื่นลูกแรกที่มีความสูงประมาณ 2 – 3 เมตร เริ่มเข้ากระทบฝั่ง สร้างความเสียหายในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่คลื่นที่รุนแรงที่สุด ทำให้หลายคนประมาท คิดว่าเหตุการณ์จบลงแล้ว
● หลังจากคลื่นลูกแรก (ภายในช่วงเวลาประมาณ 10 – 30 นาที) คลื่นลูกที่สองจนถึงลูกต่อๆ มาที่มีความรุนแรงมากขึ้น ได้ถาโถมเข้าฝั่งอย่างต่อเนื่อง บางรายงานระบุว่าคลื่นสูงถึง 10 เมตร หรือมากกว่านั้น คลื่นเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตและทรัพย์สินตามแนวชายฝั่ง
● ช่วงเวลาหลังจากนั้น คลื่นสึนามิยังคงซัดเข้าฝั่งเป็นระยะๆ โดยมีความรุนแรงลดลง แต่ยังคงสร้างความเสียหายเพิ่มเติมในบางพื้นที่ น้ำทะเลทะลักเข้าสู่แผ่นดินเป็นระยะทางไกล ในบางพื้นที่น้ำทะเลทะลักเข้าไปถึง 1 กิโลเมตร ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
เหตุการณ์สึนามิเมื่อ 20 ปีก่อน ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขหรือข่าวพาดหัว แต่มันคือบาดแผลลึกที่ฝังรากลึกในความทรงจำของใครหลายคน คลื่นยักษ์ที่โถมเข้าใส่ชายฝั่งอันดามันในเช้าวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ไม่เพียงแต่กวาดเอาชีวิตผู้คนไปนับหมื่น แต่ยังทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า เปลี่ยนชายหาดที่เคยสวยงามให้กลายเป็นนรกบนดินในชั่วพริบตา โศกนาฏกรรมครั้งนั้นเป็นบทเรียนราคาแพงที่โลกต้องจารึกไว้ถึงพลังทำลายล้างอันมหาศาลของธรรมชาติ และความเปราะบางของมนุษย์เมื่อเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ แต่สิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า คือ ความทรงจำที่เริ่มเลือนลางไปจากความรู้สึกของผู้คน ราวกับฝันร้ายที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในอดีต ความตระหนักถึงภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นซ้ำสองเริ่มจางหายไปจากใจคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาภายหลังเหตุการณ์ แม้แต่คนรุ่นเก่าที่อาจเริ่มมองข้ามความสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติไปแล้ว
ลองจินตนาการถึงชายหาดที่เคยคึกคัก กลับกลายเป็นสุสานใต้ทะเลในพริบตา เสียงหัวเราะ เสียงคลื่นที่เคยขับกล่อม กลายเป็นเสียงกรีดร้องกับเสียงคำรามของคลื่นยักษ์ที่กลืนกินทุกสิ่งอย่าง ภาพผู้คนวิ่งหนีตายอย่างอลหม่าน แขนขาที่ไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยว ก่อนจะถูกกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากพัดหายไปในที่สุด ภาพซากปรักหักพังของบ้านเรือน โรงแรม รีสอร์ต ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของความสุข กลับกลายเป็นเศษซากที่ลอยคว้างอยู่บนผิวน้ำ ปะปนกับร่างไร้วิญญาณของผู้คนที่ไม่อาจหลบหนีภัยพิบัติได้ทัน ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่แค่คลื่นยักษ์ที่โถมเข้าใส่ชายฝั่งในวันนั้น แต่อาจจะเป็นการลืมอดีต 20 ปี สึนามึกลืนชีวิตที่อาจหวนกลับมาอีกครั้ง ในวันที่ความทรงจำของผู้คนจางหายไป หากเกิดขึ้นอีกครั้งก็อาจจะไม่มีใครรอดพ้น
คำสำคัญ (KEYWORD) : #สึนามิ #20ปีสึนามิ #สึนามิ2547 #รำลึกสึนามิ #ไม่ลืมสึนามิ #ความทรงจำสึนามิ #เตือนภัยสึนามิ #สึนามิอันดามัน