สถานการณ์การแพร่ระบาดของ ‘โนโรไวรัส’ ในประเทศจีนกำลังเข้าขั้นวิกฤต เชื้อร้ายแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนทั่วประเทศ ไวรัสมฤตยูนี้สามารถติดต่อกันได้ง่ายดาย และที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าคือ มันมีความทนทานต่อแอลกอฮอล์ ซึ่งหมายความว่ามาตรการป้องกันเบื้องต้นที่ใช้อยู่ทั่วไปอาจไม่ได้ผล เชื้อร้ายนี้จึงยิ่งแพร่กระจายได้ง่ายขึ้นไปอีก ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และที่สำคัญคือยังไม่มียาที่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสนี้ได้โดยเฉพาะ นั่นหมายความว่าเมื่อติดเชื้อแล้ว ทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น
โนโรไวรัส ทำให้เกิดอาการอักเสบในกระเพาะอาหารและลำไส้ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการอาเจียนอย่างรุนแรง ปวดท้อง ท้องเสีย และในบางรายอาจมีไข้ต่ำ ปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย อาการเหล่านี้อาจดูเหมือนอาการอาหารเป็นพิษทั่วไป แต่มันกลับรุนแรงกว่ามาก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งอาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงและอันตรายถึงชีวิต สำหรับการแพร่ระบาดในครั้งนี้สร้างความกังวลอย่างมากในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เนื่องจากความรวดเร็วในการแพร่กระจายและความทนทานต่อแอลกอฮอล์ ทำให้การควบคุมโรคเป็นไปได้ยากลำบาก ประชาชนจึงตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เฝ้ารอความหวังที่จะมีวัคซีนหรือยารักษาในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความไม่แน่นอน และความยากที่จะรับมือกับเชื้อร้ายที่ไร้ทางต้านทานนี้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของ ‘โนโรไวรัส’ ในประเทศจีนทวีความรุนแรงอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียนที่กำลังเผชิญกับการระบาดครั้งใหญ่นี้ รายงานข่าวเผยว่าตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียนจำนวนมากติดเชื้อไวรัสมฤตยูนี้ โรงเรียนหลายแห่งต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด เช่น โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในมณฑลหูเป่ย ที่พบนักเรียนติดเชื้อใน 3 ห้องเรียน จนต้องปิดโรงเรียนในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการรายงานการระบาดในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กในมณฑลอื่นๆ เช่น ส่านซี ยูนนาน และหูเป่ย โดยที่ศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่งในเมืองซีอาน พบเด็กติดเชื้ออย่างน้อย 48 รายในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
การระบาดของโนโรไวรัสในครั้งนี้เข้าสู่ช่วงพีค หรือช่วงที่รุนแรงที่สุด ทำให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของจีนต้องออกมาตรการเตือนภัยอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายของไวรัสชนิดนี้ โดยมีการแนะนำให้ผู้ติดเชื้อกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ เน้นย้ำเรื่องการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น การล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 20 วินาทีก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ การปรุงอาหารให้สุก และการทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีคลอรีนเป็นส่วนประกอบ โดยผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีนเปิดเผยว่า โนโรไวรัสเป็นสาเหตุสำคัญของการอักเสบเฉียบพลันในกระเพาะอาหารและลำไส้ และมักจะระบาดหนักในช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคม โดยอาการป่วยในเด็กมักจะแสดงออกด้วยการอาเจียนอย่างรุนแรง ในขณะที่ผู้ใหญ่มักจะมีอาการท้องเสีย นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ ปวดท้อง มีไข้ และปวดกล้ามเนื้อ แม้ว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 2-3 วัน แต่ในเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะขาดน้ำ อาจต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์
สิ่งที่น่ากังวลที่สุด คือ ความรวดเร็วในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กในระยะยาว การป้องกันที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้างจากวิกฤต ‘โนโรไวรัส’ ที่กำลังคุกคามอยู่ในขณะนี้